มีโอกาสได้ไปเข้าค่ายธรรมชาติบำบัดและและการล้างพิษมา น่าสนใจมาก อยากแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้รู้กันด้วยจ๊ะพื้นฐานความคิด มาจากคุณหมอ เจคอบ (ชาวอินเดีย) ท่านบอกว่า ธรรมชาติร่างกายของมนุษย์ต้องการที่จะกำจัดพิษที่เข้าไปในร่างกายหรืออยู่ในร่างกายอยู่แล้ว แต่พวกเราชอบที่จะใช้การหยุดอาการด้วยการกินยา ซึ่งเท่ากับเราเก็บเชื้อโรค หรือ สารพิษไว้ในร่างกายของเรานั่นเอง วิธีการของคุณหมอคือ เมื่อไหร่ที่ในร่างกายมีพิษ หรือเชื้อโรค ให้ปล่อยให้ร่างกายเยียวยาตัวเองด้วยการ
1.ให้ร่างกายได้พักจากการทำงานปกติ คือ ให้กระเพาะอาหารหยุดทำงาน หรือทำงานน้อยที่สุด ด้วยการ ดื่มแค่น้ำผลไม้ น้ำมะพร้าว หรือ ทานแต่ผลไม้อย่างเดียวตลอดวัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับโรค ถ้าเป็นหวัด อาจจะแค่ 3-4 วัน แต่ถ้าเป็นมะเร็ง อาจจะเป็นหลายเดือน ขึ้นอยุ่กับอาการ แต่มีคำถามว่า กินแต่ผลไม้ หรือ น้ำผลไม้ แล้วคุณค่าอาหารที่ควรจะได้รับล่ะ มันจะพอเหรอ คุณหมอตอบว่าพอ เพราะว่า ในธรรมชาติจริง ๆแม้แต่ผลไม้ ก็มีโปรตีนนะ ไม่ใช่ไม่มี เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องขาดสารอาหาร
2.สูดอากาศที่บริสุทธิ์และปริมาณที่มากพอ เพราะฉะนั้นควรฝึกหายใจกันหน่อยนะจ๊ะ ในฐานะเป็นครูสอนโยคะ อ้าว! หายใจเข้าท้องพอง......งงงงง หายใจออกท้องแฟ๊บบบบบบบบ...
3.อาบแดด ดำ ๆ อย่างครูจอยก็อาบได้นะจ๊ะ เพียงแต่เลือกเวลานิดนึง ก่อน 9 โมงเช้ากับ หลัง 4 โมงเย็น หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ 15 นาที และหันหลังอีก 15 นาที เป็นการรับพลังจากดวงอาทิตย์ ลองดูค่ะ จะรู้สึกอุ่น ๆ สบายดี มีประโยชน์ค่ะ
4.wet pack คือการพันด้วยผ้าเปียก ที่ใช้น้ำปกติไม่ร้อนไม่เย็น เจ็บตรงไหนพันตรงนั้น มีข้อแม้คือ ต้องตอนท้องว่างนะจ๊ะ ทำทีละจุด พันทิ้งไว้เลย คราวละ 1 ชั่วโมง ถ้าจะให้อธิบาย ก็จะได้ว่า การพันผ้า สมมติที่หัวเข่า ตอนที่ปวดเข่า ความเย็นของน้ำ จะกระตุ้นให้ เลือกมาเลี้ยงส่วนที่พันไว้มากกว่าส่วนอื่น พอเลือดมาเลี้ยงก็จะเกิดขบวนการเยียวยาเกิดขึ้นจ๊ะ
5.อาจตัองแช่สะโพก แช่หลัง ในรายที่มี ปัญหาในช่องท้อง หรือเรื่องกระดูกสันหลัง
6.ทุกวันตื่นนอนมา ล้างตา (น้ำธรรมดา กระพริบตา 50 ครั้งในน้ำ) ล้างจมูก อันนี้มีตัวช่วยเป็น กาเนติ คือเป็นกามีจะงอยยาว ๆ แหย่เข้าในจมูก ตะแคงหน้านิดหน่อย หายใจทางปากให้น้ำไหลจากรูจมูกข้างนึงไปอีกข้างนึง อันนี้ดีมากสำหรับพวกเป็นภูมิแพ้ เป็นไซนัส หรือ เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ลืมบอกว่าใช้น้ำอุ่น ผสมเกลือ กับ มะนาว ไม่ต้องเข้มข้นมากนักนะ แล้วก็ ล้างคอ กลั้วคอ ด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ มะนาวนิดหน่อย ประมาณ 10 กลั้ว
7. อาจจะต้องมี detox บ้างแต่ใช้น้ำเปล่านะจ๊ะ ไม่ใช้กาแฟ เหมือนทั่ว ๆ ไป และปริมาณก็ไม่เยอะ แค่ 300 ซีซี เอง แต่สามารถทำได้บ่อยกว่าการล้างพิษด้วยกาแฟ และทำให้ลำไส้ไม่เป็นคราบกาแฟด้วยค่ะ (แต่ครูก็แอบใช้กาแฟอยู่เหมือนกันค่ะ)
1.ให้ร่างกายได้พักจากการทำงานปกติ คือ ให้กระเพาะอาหารหยุดทำงาน หรือทำงานน้อยที่สุด ด้วยการ ดื่มแค่น้ำผลไม้ น้ำมะพร้าว หรือ ทานแต่ผลไม้อย่างเดียวตลอดวัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับโรค ถ้าเป็นหวัด อาจจะแค่ 3-4 วัน แต่ถ้าเป็นมะเร็ง อาจจะเป็นหลายเดือน ขึ้นอยุ่กับอาการ แต่มีคำถามว่า กินแต่ผลไม้ หรือ น้ำผลไม้ แล้วคุณค่าอาหารที่ควรจะได้รับล่ะ มันจะพอเหรอ คุณหมอตอบว่าพอ เพราะว่า ในธรรมชาติจริง ๆแม้แต่ผลไม้ ก็มีโปรตีนนะ ไม่ใช่ไม่มี เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องขาดสารอาหาร
2.สูดอากาศที่บริสุทธิ์และปริมาณที่มากพอ เพราะฉะนั้นควรฝึกหายใจกันหน่อยนะจ๊ะ ในฐานะเป็นครูสอนโยคะ อ้าว! หายใจเข้าท้องพอง......งงงงง หายใจออกท้องแฟ๊บบบบบบบบ...
3.อาบแดด ดำ ๆ อย่างครูจอยก็อาบได้นะจ๊ะ เพียงแต่เลือกเวลานิดนึง ก่อน 9 โมงเช้ากับ หลัง 4 โมงเย็น หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ 15 นาที และหันหลังอีก 15 นาที เป็นการรับพลังจากดวงอาทิตย์ ลองดูค่ะ จะรู้สึกอุ่น ๆ สบายดี มีประโยชน์ค่ะ
4.wet pack คือการพันด้วยผ้าเปียก ที่ใช้น้ำปกติไม่ร้อนไม่เย็น เจ็บตรงไหนพันตรงนั้น มีข้อแม้คือ ต้องตอนท้องว่างนะจ๊ะ ทำทีละจุด พันทิ้งไว้เลย คราวละ 1 ชั่วโมง ถ้าจะให้อธิบาย ก็จะได้ว่า การพันผ้า สมมติที่หัวเข่า ตอนที่ปวดเข่า ความเย็นของน้ำ จะกระตุ้นให้ เลือกมาเลี้ยงส่วนที่พันไว้มากกว่าส่วนอื่น พอเลือดมาเลี้ยงก็จะเกิดขบวนการเยียวยาเกิดขึ้นจ๊ะ
5.อาจตัองแช่สะโพก แช่หลัง ในรายที่มี ปัญหาในช่องท้อง หรือเรื่องกระดูกสันหลัง
6.ทุกวันตื่นนอนมา ล้างตา (น้ำธรรมดา กระพริบตา 50 ครั้งในน้ำ) ล้างจมูก อันนี้มีตัวช่วยเป็น กาเนติ คือเป็นกามีจะงอยยาว ๆ แหย่เข้าในจมูก ตะแคงหน้านิดหน่อย หายใจทางปากให้น้ำไหลจากรูจมูกข้างนึงไปอีกข้างนึง อันนี้ดีมากสำหรับพวกเป็นภูมิแพ้ เป็นไซนัส หรือ เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ลืมบอกว่าใช้น้ำอุ่น ผสมเกลือ กับ มะนาว ไม่ต้องเข้มข้นมากนักนะ แล้วก็ ล้างคอ กลั้วคอ ด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ มะนาวนิดหน่อย ประมาณ 10 กลั้ว
7. อาจจะต้องมี detox บ้างแต่ใช้น้ำเปล่านะจ๊ะ ไม่ใช้กาแฟ เหมือนทั่ว ๆ ไป และปริมาณก็ไม่เยอะ แค่ 300 ซีซี เอง แต่สามารถทำได้บ่อยกว่าการล้างพิษด้วยกาแฟ และทำให้ลำไส้ไม่เป็นคราบกาแฟด้วยค่ะ (แต่ครูก็แอบใช้กาแฟอยู่เหมือนกันค่ะ)
***เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง ก่อนอื่น ตั้งสติก่อนนะคะ แล้วสังเกตุอาการดู แล้วค่อยมาดูวิธีการข้างบนว่าเราจะใช้วิธีการอะไรในการเยียวยา
