วันนี้ เอาตัวอย่างนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
รายแรก เป็นคนที่มีปัญหา เรื่องโรค กระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน เป็นมานานหลายปี อาการของโรค คือ มักจะปวดท้องเป็นประจำ ปวดแบบเสียด มีแก๊สในท้องมาก ต้องกินขมิ้นชัน ตลอด
เมื่อมาเล่นใหม่ ๆ อาการปวดท้องจะยังคงอยู่ แต่จะเรอออกมาค่อนข้างมาก เพราะท่าโยคะ ประกอบด้วยท่าที่ ทำให้เกิดการนวดอวัยวะในช่องท้อง และการบิดตัว ซึ่งจะสามารถช่วยขับแก๊สในกระเพาะอาหารได้ แต่มีบางท่าที่ทำแล้วอาการปวดท้องจะมีมากขึ้น เช่น ท่าธนู เราก็อาจจะข้ามท่าพวกนี้ไปก่อนในช่วงแรก ผ่านไปซักระยะ ค่อยกลับมาลองทำใหม่ได้ เล่นไปได้ซักประมาณ 1 สัปดาห์ (สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง) อาการผิดปกติในร่างกายเริ่มดีขึ้น เริ่มลดการกินขมิ้นชัน ลดยากระเพาะอาหารได้ในที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องดูแลตัวเองเรื่องอาหารร่วมด้วย
รายที่สอง เป็นพี่อยู่ในระยะวัยทอง อาการคือร้อนวูบวาบ จะมีอาการร้อน ออกเหงื่อตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ห้องแอร์หนาวแค่ไหน เหงื่อก็ยังออกตลอด และมีอาการซึมเศร้า
เมื่อเล่นโยคะใหม่ ๆ แค่รู้สึกเบากาย แต่เมื่อเล่นได้ อาทิตย์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลาแค่ 2 สัปดาห์ อาการร้อนวูบวาบ ก็เริ่มดีขึ้น คือยังไม่หายขาด แต่นาน ๆ จะเป็นซักที อาการซึมเศร้าก็หายไป กลายเป็นคนที่มีอารมณ์ปกติ อาการปวดเข่าก็ทุเลาลงตามลำดับ แถมใส่เสื้อผ้าสมัยยังสาว ๆ ได้อีกด้วย ตอนนี้เลยกลายเป็นนักเรียนประจำ มีวินัยในตัวเอง มาเล่นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
รายที่สาม เป็นคุณหมอฟัน ทำงานหนักทั้งที่โรงพยาบาลและที่คลีนิค ด้วยลักษณะท่าทางที่ต้องก้มตลอดเวลา ใช้มือและแขนข้างขวา ท่าเดิมซ้ำๆ ทั้งวัน จึงมีปัญหาเรื่องปวดเอว และมีอาการบาดเจ็บที่ไหล่และแขนขวา ยกแขนไม่ขึ้น
เมื่อเริ่มเล่นโยคะใหม่ ๆ อาการปวดยังคงอยู่แต่รู้สึกได้ว่าความตึงเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณเอว เริ่มลดลง อาการแขนยกไม่ขึ้นเริ่มทุเลา สามารถยกแขนได้สูงมากขึ้น และพัฒนาขึ้นตามลำดับ จนสามารถยกแขนตึงแนบใบหูได้ในที่สุด นับจากวันเริ่มเล่นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาประมาณ 4 ปีแล้วที่คุณหมอเลือกวิถีแห่งโยคะในการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง .....
รายที่สี่ มาด้วยเรื่องของน้ำหนักเกิน เกือบ ๆ 80 กิโลกรัม มีอาการปวดเข่า กับอาการฝ่าเท้าร้อนร่วมด้วย แถมนอนหลับไม่สนิท กว่าจะหลับต้องใช้เวลานาน
เนื่องจากเป็นคนค่อนข้างตัวแข็ง ทำท่าอะไรเลยรู้สึกว่ายากทุก ๆ ท่า (ถ้าเป็นคนตัวอ่อนจะไม่รู้สึกว่าแต่ละท่ายากมาก)
งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าตัว เพราะความไม่ยอมแพ้ และตั้งใจจริง อาการทางกายอื่น ๆ ที่กล่าวมา คือ ปวดเข่า ฝ่าเท้าร้อน นอนไม่หลับ เห็นผลภายในไม่ถึง 2 อาทิตย์ (เล่นอาทิตย์ละ 4 วัน) ส่วนสิ่งที่ต้องการเป็นอันดับแรกที่มาเล่นโยคะ คือน้ำหนัก ตอนนี้เล่นมาได้ ไม่ถึง 2 เดือน น้ำหนักลดลงไป เกือบ 3 กิโลกรัม
แต่ครูต้องบอกก่อนนะคะว่า เรื่องน้ำหนักตัว แต่ละคนอัตราการเผาผลาญไม่เท่ากัน และปริมาณหรือชนิดอาหารที่ชอบทานก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะเอาการลดของคนอื่นมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ค่ะ ต้องลองด้วยตัวเองนะคะ แต่รับรองได้ว่า ตัวเราจะกระชับขึ้นแน่นอนค่ะ
รายที่ห้า อาชีพค้าขาย ต้องยืนขายของตั้งแต่ ตีหนึ่ง ถึงเจ็ดโมงเช้าทุกวัน จนมีอาการปวดหลัง หมอบอกว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาการค่อนข้างรุนแรง มีแนวโน้มว่าจะต้องผ่าตัด รักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ด้วยการทานยา และ กายภาพบำบัด ด้วยการ ดึงหลัง ดึงคอ อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 1 เดือน ต่อมา เหลือ อาทิตย์ละ 2 ครั้ง และอาทิตย์ละครั้งตามลำดับ แต่อาการเจ็บและตึง ยังคงมีอยู่
รักษาอย่างต่อเนื่อง ได้ 3 เดือน คุณหมอแนะนำให้ออกกำลังกายแบบโยคะ
เมื่อเริ่มเล่น ครูต้องคอยระวังอย่างใกล้ชิด สำหรับบางท่าที่ต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อหน้าท้อง และกล้ามเนื้อหลัง ต้องไม่หักโหมจนเกินไป โดยผู้ฝึกต้องคอยระวังไม่ให้เกินกำลังตัวเองด้วย
อาทิตย์แรก อาการปวดแถวบั้นเอว และอาการตึงค่อนข้างมีมากเช่นเดิม
เมื่อเล่นต่อเนื่องมาได้ประมาณ 1 เดือน อาการต่าง ๆ เริ่มทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้เล่นอย่างต่อเนื่องอาทิตย์ละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 4 เดือน อาการดีขึ้นมา สามารถยืนขายของต่อเนื่อง โดยไม่ต้องนั่งพักได้นาน ครั้งละหลายชั่วโมง และที่สำคัญคือ คุณหมอบอกว่า ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้ว
หวังว่าตัวอย่างเหล่านี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คน
ได้ลองมาฝึกโยคะกันนะคะ